วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การสร้างบ้านในเมืองกรุง


สมัยก่อนการสร้างบ้านแต่ละหลังมีการเชื่อถือโชคลางต่างมากมาย เช่น ห้ามปลูกบ้านขวางตะวัน ต้องหันหน้าบ้านเข้าหาแม่น้ำ ห้ามหันห้องนอนและเตียงนอนไปทางทิศตะวันตก ฯลฯ ซึ่งจริงๆ แล้ว ความเชื่อเหล่านี้เป็นกุศโลบายอันชาญฉลาดของบรรพบุรุษที่สืบทอดกันมานั่นเอง เหตุผลต่างๆของความเชื่อเหล่านั้นก็เพื่อให้บ้านที่สร้างน่าอยู่และเหมาะกับภูมิอากาศของเมืองไทยนั่นเอง แต่ในปัจจุบันความเชื่อเหล่านี้คงจะไม่เหมาะกับชีวิตในเมืองกรุง เพราะพื้นที่ค่อนข้างจำกัด แต่จริงๆแล้วเราสามารถนำมาปรับใช้ได้ วันนี้ผมได้นำหลักการสร้างบ้านแบบ “NEWS” หรือ บ้านมีทิศมาฝากครับ

หลักการของการสร้างบ้าน “NEWS” หรือ บ้านมีทิศคือ ต้องคำนึงถึง สภาพแวดล้อมบริเวณที่ตั้งของตัวอาคารให้สอดคล้องและเหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยคำนึงถึง ทิศทางลม ทิศทางแดดและฝน เป็นหลัก และทั้งนี้ในการออกแบบบ้าน “NEWS” หรือ บ้านมีทิศยังต้องคำนึงถึง FUNCTION และการวางตำแหน่งที่ตั้งของตัวอาคาร ให้เหมาะกับสภาพของพื้นดินได้อย่างต่อเนื่องและสอดคล้องได้อย่างลงตัว เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี โดยต้องคงความสวยงามของบ้านไว้ได้อย่างครบถ้วน  คุณ ๆ อาจจะงงว่าแล้วมันจะออกมาเป็นอย่างไร เอาเป็นว่าจะลองยกตัวอย่างบางส่วนให้เห็นภาพก็แล้วกันนะครับ

หันหน้าบ้านไปทางที่รับลม โดยต้องไปสังเกตุดูว่าบริเวณที่ดินของเรามีลมพัดมาจากทิศทางใดก็หันหน้าบ้านไปทางนั้น โดยเฉพาะทิศใต้กับทิศตะวันตกเพราะทิศทางลมของกรุงเทพฯ จะเป็นลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ (ลมหนาว) กับมรสุมทิศใต้และตะวันออกเฉียงใต้(ลมฝน) แต่ถ้าไม่สามารถปรับได้ก็ให้แก้ไขโดยการพยายามเปิดบ้านทิศใต้และทิศตะวันตกให้โล่งเพื่อรับลมแทน สมัยก่อนมักจะหันหน้าบ้านเข้าหาแม่น้ำก็เพราะใช้หลักการเดียวกันครับเพราะแม่น้ำเป็นเส้นทางที่ลมพัดผ่านตลอดเวลา อ้อ! แต่ต้องมีช่องทางให้ลมผ่านออกด้วยนะครับเพราะถ้าลมไม่สามารถออกได้ลมก็จะไม่พัดเข้าบ้าน

ห้องนอน ควรอยู่ทางด้านทิศตะวันออก เพราะแดดตอนเช้าจะร้อนน้อยกว่าตอนเย็น ถ้าห้องอยู่ทางทิศตะวันตก ผนังห้องจะซับความร้อนไว้นานทำให้กลางคืนห้องจะร้อน ครับ แล้วก็ให้ห้องน้ำ หรือ ห้องที่ใช้สอยน้อยอยู่ทางทิศตะวันตกแทน โดยเฉพาะห้องน้ำ ความร้อนจะได้ช่วยฆ่าเชื้อโรคบางอย่างได้ด้วยนะครับ

ต่อชายคาให้กว้าง เพราะจะได้ช่วยบังแดด และ ฝน ช่วยสร้างภาวะความสบาย ฝนตกก็ไม่ต้องคอยปิดหน้าต่างให้เหนื่อย ทำให้อากาศในบ้านเย็นสบายไม่ร้อน
เฉลียง ควรมีหลังคา เพราะจะทำให้อากาศหมุนเวียน และยังช่วยกรองความร้อนไม่ให้เข้าตัวบ้านครับ   

การใช้กระจก ควรใช้ในจำนวนที่พอเหมาะพอดีด้วย น้อยไปบ้านก็อับทึบทำให้เปลืองค่าไฟ แต่ถ้ามากเกินไปก็ทำให้บ้านได้รับความสว่าง และ ความร้อนมากเกินไปเช่นกัน

การติดตั้งแอร์ ควรจะติดตั้งที่ผนังด้านบน เพราะจะช่วยกระจายความเย็นได้เร็วกว่าแบบตั้งพื้น

นี่เป็นแค่ตัวอย่างเล็กๆน้อยๆเท่านั้นนะครับ แต่สามารถทำให้คุณอยู่บ้านได้สบายขึ้นแถมประหยัดพลังงานได้อีกด้วย เพียงแค่เรานำความเชื่อในสมัยก่อนมาปรับใช้ให้เข้ากับยุคสมัย ซึ่งเคล็ดลับต่างๆ ก็เป็นความเชื่อเก่าแก่ของ ปู่ ยา ตา ยาย นั่นแหละครับ เพียงแต่เราอาจจะไม่เข้าใจหรือลืมมันไปเท่านั้นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น